เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๖ พ.ย. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

พูดถึงความเชื่อถือเนาะ กว่าคนจะเชื่อ กว่าคนจะศรัทธาได้ เวลาศรัทธาในอะไร ก็ศรัทธาในตัวเองไง ถ้าศรัทธาในตัวเอง ถ้าศรัทธาในตัวเองมันศึกษา ศึกษาแล้วมันเคารพตน ยิ่งพระยิ่งเคารพนะ เคารพตน มันไม่มีในที่ลับที่แจ้ง ความลับไม่มีในโลก ความลับไม่มีในโลกเพราะเรารู้ เราเป็นคนกระทำ ใครจะไปรู้ดีกับเรา เราเป็นคนทำเอง ความลับไม่มีในโลกหรอก ทำดีทำชั่ว จิตมันรู้

ทีนี้จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เห็นไหม ปัจจุบันนี้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงทาน ศีล ภาวนา ทาน เรื่องของโยมไง ถ้าเรื่องของโยม แล้วเรื่องของพระล่ะ เวลาทำบุญทำกุศล ให้ธรรมเป็นทานชนะซึ่งการให้ปวง ให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง แล้วให้ธรรมเป็นทานที่ไหนล่ะ ธรรมเป็นทานๆ ธรรมมันอยู่กับใครล่ะ ใครจะให้ทานอันนี้ได้ล่ะถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุขๆ นั่นน่ะของจริง ของแท้ ถ้าของจริงของแท้ นั่นน่ะรื้อสัตว์ขนสัตว์ การรื้อสัตว์ขนสัตว์ นั่นน่ะให้ธรรมเป็นทานๆ การให้อย่างนั้นชนะซึ่งการให้ทั้งปวง ทีนี้การให้ทั้งปวง เราบอกว่าทาน ศีล ภาวนา ทาน ศีล ภาวนา เราก็บอกว่าเราจะต้องขวนขวายหามาปรนเปรอ...ไม่ใช่ มันไม่ใช่

การเสียสละทานๆ นั้น การเสียสละทานนั้นเป็นผลประโยชน์ของเรา การเสียสละทานนั้นเป็นการฝึกหัดหัวใจ หัวใจของเราที่มันทุกข์มันยาก มันทุกข์มันยากเพราะอะไร มันทุกข์มันยากเพราะกิเลสมันบีบคั้น ถ้าเวลากิเลสมันบีบคั้น เราจะไปหาใจของเรา เราจะเริ่มต้นอย่างไร ถ้าเราจะเริ่มต้น เราเริ่มต้นจากการเสียสละสิ่งที่เป็นของรักของหวง ถ้ามันหวงมันแหน มันหวงแหนเพราะกิเลสมันครอบงำ ถ้ามันหวงแหนนะ เสียสละออก

ครูบาอาจารย์ของเรา ดูสิ หลวงปู่หล้า หลวงปู่หล้า ภูจ้อก้อ ท่านอยู่ที่หนองผือๆ อยู่กับหลวงปู่มั่น เวลาท่านถือธุดงควัตรกับหลวงตา เวลาไปบิณฑบาตสิ่งใดมา ของรัก อาหารที่ชอบ ธรรมดาอาหารที่ชอบ เราบิณฑบาตมามันเป็นอาหารของเราใช่ไหม ถือธุดงค์มันก็เป็นอาหารของเราไง ถ้าไปถึงวัดก็ได้ฉันไง ท่านจับเขวี้ยงเข้าป่า ของรักของหวง ของที่ต้องการปรารถนาท่านจับโยนเข้าป่าเลย แล้วเอาอะไร เอาสิ่งที่มันไม่ชอบใจ นี่ไง ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีคุณธรรมในหัวใจ ครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ท่านจะต่อสู้กับกิเลสของท่านน่ะ ท่านจะต่อสู้กับกิเลสของท่าน ท่านต้องดัดแปลง เห็นไหม

เราบอกเรื่องของทาน ถ้าเราบอกเรื่องของทาน เราต้องไปแสวงหามาอย่างนั้นใช่ไหม...ไม่ใช่ แสวงหามาข้าวทัพพีเดียวนั่นแหละ ข้าวทัพพีเดียว คนทุกข์คนจนเขาไม่มีอะไรจะใส่บาตร เขาใส่บาตรข้าวทัพพีหนึ่งเพราะเขาไม่มี แล้วเขาอยากบวชมากๆ ไปขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบวชไง ใครก็ไม่บวชให้ ใครก็ไม่บวชให้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประชุมสงฆ์ ประชุมสงฆ์ว่า ทุคตะเข็ญใจ คนทุกข์คนจนคนนี้เขามีคุณกับใครบ้าง

พระสารีบุตรยกมือเพี๊ยะ! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามพระสารีบุตรว่าเขามีบุญคุณอะไรกับเธอ

เขาเคยใส่บาตรข้าพเจ้าทัพพีหนึ่งครับ

ทัพพีเดียว ข้าวทัพพีเดียว มีบุญมีคุณ บุญคุณอันนั้นน่ะ

อย่างนั้นเธอให้บวช เธอจงบวชเขาเสีย

บวชแล้วทุคตะเข็ญใจคนนั้นบวชเมื่อเฒ่าเมื่อแก่ไง พระสารีบุตรเคี่ยวเข็ญพยายามฝึกฝนขึ้นมาไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามประจำ สารีบุตร สัทธิวิหาริกของเธอสอนง่ายไหม สัทธิวิหาริกของเธอขี้คร้านไหม

สอนง่าย สอนง่าย

สำเร็จเป็นพระอรหันต์น่ะ ข้าวทัพพีเดียว เห็นไหม สิ่งที่ข้าวทัพพีเดียว แต่มันเกิดที่น้ำใจ น้ำใจของเขา เขาคนทุกข์คนจน เขาแสวงหาของเขา เขาทุกข์ยากของเขา เขาพยายามหวังพึ่งบุญกุศลของเขา การพึ่งบุญกุศลอันนั้น เจตนาอันยิ่งใหญ่ไง มันไม่อยู่ที่จำนวนมากหรือน้อยไง มันอยู่ที่จิตใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ไง

จิตใจที่ยิ่งใหญ่ จิตใจที่อยากจะพ้นจากทุกข์ แต่มันไม่มีทางออก ทำอย่างไรถึงมีทางออก ข้าพเจ้าก็มีเท่านี้ สิ่งที่เสียสละไปมันไปกระทบใจของผู้มีคุณธรรมไง ไปกระทบใจของพระสารีบุตร เห็นไหม เคยมีบุญคุณกับข้าพเจ้าครับ

มีบุญคุณอะไร

เคยใส่บาตรข้าพเจ้าทัพพีหนึ่ง

ข้าวทัพพีนั้นสามารถทำให้ทุคตะเข็ญใจเป็นถึงพระอรหันต์ได้ไง เพราะเป็นเชื้อไขไง เป็นเชื้อเป็นไขที่ให้พระสารีบุตรได้สร้างบุญคุณของเขา เขาได้มาบวช พระสารีบุตรได้สั่งได้สอนเขา ถ้าไปให้คนอื่นสอน ไปให้เทวทัตสอน เทวทัตมันจะพาออกนอกลู่นอกทางเลย เทวทัตมันจะบอกว่าเราเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เราไม่ต้องฉันเนื้อสัตว์ เราต้องไม่รับกิจนิมนต์ โอ๋ย! อวดเก่ง อวดดิบอวดดี อวดดิบอวดดีไปข้างนอกเลย

แต่พระสารีบุตรสอนให้มักน้อยสันโดษ มักน้อยสันโดษในอะไร ในอารมณ์ที่มันบีบคั้นในหัวใจของตนไง มักน้อยสันโดษ รักษา รักษาจิตใจของตนไง เข้าที่สงบที่ระงับไง เข้าที่ป่า เข้าเขาไง เพื่อจะไม่ให้กระทบกระเทือนสิ่งใดไง นี่เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ ท่านสอน ท่านสอนเพื่อคุณงามความดีของหัวใจดวงนั้น

แต่ถ้าเป็นเทวทัตสอน สอนมันก็สอนออกนู่นน่ะ ฉันใหญ่ ฉันโต ฉันเก่ง ฉันยอด ยอดตาลไง ตกลงมาแล้ว ลูกตาลมันตกมา เราตื่นเต้น ตื่นตูม อู้ฮู! เสียงดัง เสียงใหญ่มาก เพราะลูกตาลมันตกใส่ใบตาล อู๋ย! เสียงมันดังมาก มันจะมีประโยชน์อะไร ลูกตาลเขาเอามาทำขนม มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แต่คุณธรรมในหัวใจเรามันสำคัญมากนะ

นี่เวลาพูดถึงระดับของทาน ระดับของศีล ถ้าศีล กลิ่นของดอกไม้ กลิ่นดอกไม้หอมหวนไปตามลม กลิ่นของศีลของธรรมมันหอมทวนลม กลิ่นของดอกไม้ กลิ่นของความหอมไง กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม ถ้ามีกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม ดอกไม้เวลาออกมันแช่มชื่น มันหอม มันน่าเย้ายวนใจ ไอ้คนที่อยากจะมีก็อวดกัน ใช้น้ำหอมๆ

น้ำหอมบ้าบอคอแตกอะไร ไอ้นั่นเอามาพรม มันหอมอย่างนั้นมันหอมที่สารเคมี มันไม่ได้หอมด้วยศีลด้วยธรรม ถ้ามันจะหอมด้วยศีลด้วยธรรม หอมที่ไหนล่ะ หอมด้วยศีลด้วยธรรมนะ ด้วยเรา มีความองอาจกล้าหาญมากนะ พระเราถ้ามีศีลมีธรรมขึ้นมามันจะเข้าสังคมไหนองอาจกล้าหาญมาก ศีลนี่ สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา

ศีลธรรม สีเลน สุคตึ ยนฺติ ศีลธรรมทำให้มีความสุข มีความสงบระงับ ไม่ตื่นเต้น ไม่วุ่นวายไปกับใครเพราะเรามีศีล มีความปกติใจของใจ ใจเราปกติ ใจเราอิ่มเต็ม มันขาดแคลนอะไร ถ้ามันใส่น้ำมา น้ำก็ล้นแก้ว มันล้นไปของมันอย่างนั้นเพราะจิตใจของเรามันพออยู่แล้ว นี่ถ้าผู้มีศีล

มันมีสุคติ มีโภคะ มีลาภ มีสักการะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลมไง ถ้ากลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม สิ่งที่เป็นทาน ศีล ภาวนา ถ้าภาวนาให้มันมีคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ พระเราถ้ามีศีลมีธรรมขึ้นมา บวชแล้วศีล ๒๒๗ โดยอัตโนมัติ อุปัชฌาย์ยกเข้าหมู่แล้ว เวลายกเข้าหมู่ กรณียกิจ ๔ อกรณียกิจ ๔ สิ่งที่ทำได้ทำไม่ได้ ๔ อย่างอันนั้นอันตราย พอพ้นจากอันนั้นไปแล้วมันสมบูรณ์ของมัน ถ้าสมบูรณ์ขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเรามีศีลของเรา มีความปกติของเรา

โลกเขาเวลาเขาจะมีความหอมของดอกไม้ หอมของสวน เขาต้องดูแลรักษา เขาต้องปลูกขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับความแช่มชื่นในบ้านเรือนของเขา ก็ไปซื้อน้ำหอมกันมาเพื่อจะมาหอมขจรขจายนั่นน่ะ ไปนู่นเลย เวลาเป็นพระ พระจะไปใช้กับเขาหรือ

ศีล ๘ นะ ศีล ๘ ของหอมนี่ห้ามใช้ พระเรานี่ของหอมห้ามใช้ทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันจะเป็นจริงมันต้องเป็นจริงในตัวของมัน มันจะเอาน้ำหอม น้ำอบ น้ำพรมมาใช้ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ เพราะอะไร เพราะห้ามอยู่แล้ว ศีลบังคับไว้เลย แต่ด้วยความเห็นไง ความเห็นขัดแย้งไง ขัดแย้ง ธรรมวินัยเป็นศาสดาของเธอ แล้วศาสดา ศาสดาสั่งไว้แล้วทำตามศาสดาหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ทำตามศาสดา เราเคารพศาสดาได้อย่างไร

ถ้าไม่เคารพศาสดา เวลาโยมเขาพุทธมามกะ นับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อในรัตนตรัยเท่านั้น ไม่เชื่อสิ่งนอกจากรัตนตรัย แล้วเราบวชเป็นพระ แล้วเราเชื่อธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้าเชื่อของมันนะ มันก็มีละอาย ถ้ามีความละอาย เราก็ไม่ทำอย่างนั้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ความปกติของใจๆ ถ้ามันกลับมาภาวนามันก็จะง่ายขึ้นไง

เวลาเริ่มต้นนะ ทาน ศีล ภาวนานะ มาวัดมาวามาเพื่ออะไรกัน ให้ธรรมเป็นทานๆ ธรรมเป็นทานไปไหน ธรรมโอสถ สิ่งที่โยมถวายปัจจัยเครื่องอาศัยนี่เป็นอามิส สิ่งที่เป็นอามิสเป็นวัตถุทาน เวลาครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการให้คติเตือนใจ ได้คิดไง

เราขวนขวายมานะ เวลาโยมจะมา ขวนขวายมา มาวัดมาวามาทำไม มาวัดมาวา เข้ามาวัด ไปหาหลวงตา หลวงตาเวลาท่านจะฉันอาหารท่านบอกให้ไปดูวัด พอไปดูวัดกลับมาท่านถามเห็นวัดไหม

เห็น

เห็นอะไร

เห็นกระรอก เห็นต้นไม้

นี่ก็เหมือนกัน มาวัดมาวา เรามาวัดหัวใจของเรานี่ไง มาวัดมาวา ข้อวัตรปฏิบัติ วัดคือวัดปฏิบัติ ที่ไหนมีวัดปฏิบัติขึ้นมามันจะทำให้คนเป็นคนดีขึ้นมา คนสำคัญกว่าสิ่งต่างๆ นะ จะสร้างพระพุทธรูป จะหล่อกี่พันรูปก็ได้ มีเงิน สั่งหล่อได้ทั้งนั้นเลย แต่ทำหัวใจขึ้นมาให้เป็นพระสักองค์หนึ่งมันแสนทุกข์แสนยาก

ทำสิ หัวใจขึ้นมา เอามันขึ้นมา จะหล่อพระๆ ก็ไปโรงหล่อ จะสั่งพันองค์ก็ได้ จะสั่งแสนองค์ก็ได้ หล่อเท่าไรก็ได้ แต่ถ้ามาวัดมาวา วัดปฏิบัติๆ นี่แหละมันจะหล่อหัวใจให้เป็นพระขึ้นมา ถ้าหัวใจเป็นพระขึ้นมา เราดูแลที่นี่

ถ้าเราดูแลหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเราถ้ามันเป็นธรรมนะ เวลาอาจารย์สิงห์ทองท่านเดินจงกรมจนเป็นร่อง เป็นร่องเพราะอะไร หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงตามหาบัวท่านชื่นชมๆ ชื่นชมเพราะอะไร ชื่นชมเพราะว่าเครื่องจักรมันหมุน ถ้าเครื่องจักรมันจะหมุนได้ เครื่องจักรต้องสมบูรณ์ใช่ไหม เครื่องจักรต้องน้ำมัน น้ำทุกอย่างต้องพร้อมใช่ไหม

จิตใจของคนถ้ามันเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาได้ตลอดเวลา หัวใจมันเป็นอย่างไร หัวใจมันต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มันต้องมีปัญญาขับเคลื่อนมันน่ะ ถ้าไม่มีปัญญาขับเคลื่อนมัน เดินจงกรม ๒ ทีก็คอตกแล้ว นั่งสมาธิหายใจเข้า หายใจออก มันจะวิ่งหนีแล้ว

มันเป็นการยืนยันไง ถ้าเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาได้ขนาดนั้น แสดงว่าจิตใจของเขาต้องมีงานทำ ถ้าคนจิตใจที่มีงานทำ คนที่มันทำงานได้นะ คนทำงานขึ้นมา พอจิตใจมันทำงานขึ้นมา ไอ้กิริยาการเดิน กิริยาการนั่งมันเป็นแค่กิริยา แต่จริงๆ มันอยู่ที่หัวใจนั่นน่ะ หัวใจมันหมุน เห็นไหม เวลาจักรมันเคลื่อน จักรมันหมุนของมัน จักรมันเกิดคืออะไร นี่ไง ธรรมจักรๆ ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล

ไอ้การจำมาๆ สาธุ ทรงจำธรรมวินัย ทรงจำธรรมวินัยไว้ ทรงจำธรรมวินัย ทรงจำไว้ทำไม ก็นกแก้วนกขุนทองไง นกแก้วนกขุนทองมันรู้ถึงความหมายอันนั้นไหม แต่มันท่องได้นะ นกแก้วมันพูดได้หมด สอนมัน มันก็พูดได้ แต่นกแก้วมันมีความรู้อะไร นี่ทรงจำธรรมวินัย ทรงไว้ทำไม

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปริยัติสำคัญไหม การศึกษาสำคัญไหม สำคัญ แต่เขาศึกษามาทำไมล่ะ เขาศึกษาไม่ใช่ศึกษามาเสริมกิเลสไง ทิฏฐิมานะสูงจรดฟ้า มีความรู้มาก ความรู้มันโดนกิเลสหลอกใช้ กิเลสมันใช้ความรู้อันนั้นน่ะ เกิดทิฏฐิมานะใหญ่ค้ำฟ้า

แต่ถ้าเขาศึกษามา ศึกษามาปฏิบัติ ลดทอนมัน อะไรที่เป็นทิฏฐิมานะ อะไรที่สำคัญตนน่ะ ศึกษามาก็ศึกษามาเพื่อปราบกิเลสไง ชื่อได้มาหมดแล้ว ศึกษามา ชื่อกิเลสรู้หมดเลย แต่ไม่เคยเห็นตัวมันเลย มันเป็นอย่างไรล่ะ แล้วเวลาจะเอาอาวุธไปสู้กับมัน สติเป็นอย่างไร สติก็ ส.เสือ ต.เต่า สระอิ ได้แต่ชื่อทั้งนั้นเลย แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงมันสักที แล้วมาฝึกหัดๆ ฝึกหัดก็ล้มลุกคลุกคลานไง ทำสิ่งใดไม่เป็น

พอฝึกหัดขึ้นมาถ้าสติมันทันนะ มันยับยั้งความคิดได้ อ๋อ! นี่ไง สติมันเป็นอย่างนี้ อ๋อ! สติมันทำให้จิตใจเราสงบได้เนาะ อ๋อ! ถ้ามันมีพุทโธๆ อ๋อ! อ๋อ! คำบริกรรมนะ พุทธานุสติเนาะ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ไอ้นั่นชื่อมันนะ นี่มันเป็นความจริง ความจริงเป็นอย่างนี้เนาะ ความจริงมันเป็นอย่างนี้

เขาศึกษามาให้ปฏิบัติ การศึกษาสำคัญไหม สำคัญ แต่สำคัญ ศึกษาแล้วให้ปฏิบัติ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ถ้าไม่ปฏิบัติ ปฏิเวธ ความทรงจำอันนั้นก็เป็นความทรงจำอันหนึ่ง ความทรงจำอันนั้นนะ ครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่มั่นท่านพูดกับหลวงตา หลวงตาเป็นมหาไปขอปฏิบัติกับท่าน

มหาเรียนมาจนเป็นมหานะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเทิดใส่ศีรษะไว้ เราเคารพบูชามาก ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระธรรม ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดได้อย่างไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเกิดเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมถึงเกิดสงฆ์ขึ้นมา ฉะนั้น พระพุทธเจ้าไม่สำคัญอย่างไร สำคัญ ธรรมะไม่สำคัญได้อย่างไรถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนรื้อค้นมันขึ้นมาได้อย่างไร พระพุทธ พระธรรมสำคัญมากๆ แต่สำคัญมาก สำคัญมากมันต้องปฏิบัติเป็นความจริงของเรา ถ้าปฏิบัติเป็นความจริงของเรา

ในบริษัท ๔ ตั้งแต่เศรษฐีกุฎุมพีมาบวชในพระพุทธศาสนา มาจากนกหลายเผ่าพันธุ์ เวลาบวชมาแล้วก็กลายเป็นนกสีขาว บวชมาในธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงไปสู่ฝ่าเท้าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นความจริงของเราขึ้นมา

ถ้ามันปฏิบัติเป็นความจริงขึ้นมา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ ไง พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม มีดวงตาเห็นธรรมเพราะอะไร มันเกิดขึ้นจากหัวใจไง เกิดขึ้นจากธรรมจักร เกิดขึ้นจากที่เราศึกษามา การทรงจำธรรมวินัยมา แล้วปฏิบัติมานะ มันเกิดสติ เกิดสมาธิ เกิดปัญญา

เกิดสติ เกิดสมาธิ เกิดปัญญา นี่ตัวตนของมัน สัจจะความจริงของมัน สัจจะความจริงของมันเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่จิตดวงนี้ จิตดวงนี้ที่มันทุกข์มันยาก จิตดวงนี้ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ที่เป็นความมืดบอดของมัน มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะตลอดไปไง แต่ปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้ได้ฝึกหัดขึ้นมาจนเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปัญญาขึ้นมา นี่คือธรรมจักร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ นั่นล่ะแสดงธรรมจักรในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงแสดงธัมมจักฯ

เราฟังธัมมจักฯ พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม ฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วใช้ปัญญาไตร่ตรองตามไป ใช้ปัญญาๆ ถ้าไม่มีธรรมจักร ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา พระอัญญาโกณฑัญญะจะมีดวงตาเห็นธรรมไม่ได้

พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมเพราะในใจนั้นมันปราบกิเลสสิ้นไปไง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงต้องดับไปเป็นธรรมดา มันรู้มันเห็น มันขาดไปจากหัวใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุทานเลยนะ “อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ”

เราลองนึกถึงหัวใจของนักปราชญ์ผู้ที่ค้นคว้าวิชาการมาสุดยอด แล้วจะสั่งจะสอน จะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ เพราะมันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งนัก แล้วเวลาท่านเทศน์ธัมมจักฯ ขึ้นไป แล้วมีพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม ดูสิ ท่านจะปลื้มใจขนาดไหน ท่านถึงกับต้องเปล่งอุทานเลยล่ะ “อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ” คือเรามีพยานแล้ว เรามีลูกศิษย์คนแรกที่ยืนยันความเห็นของเรา เป็นผู้ยืนยันคนแรกความเห็นนะ ขนาดเป็นพระโสดาบันนะ ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์เลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเปล่งอุทานเลย

มันลึกลับซับซ้อนขนาดที่ว่าท่านจะไม่สอนนะ ท่านบอกว่ามันละเอียดเกินไป มันอยู่ใกล้ตัวจนคนไม่สามารถที่จะรู้ได้ ท่านจะทอดธุระเลย สุดท้ายแล้วด้วยพรหมนิมนต์ แล้วท่านสร้างบุญญาธิการอย่างนั้นมาด้วย ท่านถึงเล็งญาณ ใครจะมีปัญญารู้ได้ ปัญญาจะรู้ได้เขาต้องมีหลักใจ คนที่มีหลักใจเขาต้องมีสมาธิ มีหลักของใจ ฉะนั้น เวลาพุทธกิจ ๕ เช้าเล็งญาณๆ เล็งญาณไปที่ไหน เล็งญาณไปหัวใจของคนทุกข์คนยาก เล็งญาณไปในหัวใจที่มันมีโอกาส แล้วมันจะสิ้นอายุขัย ไปเอาคนนั้นก่อน ไปเอาองคุลิมาล ไปเอาต่างๆ เพราะอะไร เพราะกำลังจะฆ่าแม่ นี่เล็งญาณๆ ดูสิ ความเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สัตว์โลกเกลื่อนกล่นไปหมด ไม่รู้จะไปเอาใครก่อน ต้องเอาคนที่มีอำนาจวาสนาแล้วอันตรายด้วย คือเขาจะทำลายตัวเขาเอง ต้องไปเอาคนนั้นก่อน ต้องไปเอาคนนั้นก่อน นี้พุทธกิจ ๕ ไง

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ธรรมเป็นทานๆ ธรรมอันนี้เกิดจากในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงจะให้ธรรมเป็นทานไง ไอ้พวกเราให้วัตถุเป็นทาน เป็นทานอย่างนี้เพื่อไปวัดไปวา เพื่อไปวัดปฏิบัติ เพื่อวัดหัวใจของเรา วัดหัวใจของเราเพื่ออะไร เพื่อความดีของใจของเรา ถ้าใจของเรามันสงบระงับ ใจของเรามีคุณงามความดี เราจะไม่ต้องทุกข์ยากจนเกินไปไง

ถ้าหัวใจมันดื้อ หัวใจมันแสวงหาของมัน มันต้องการแต่อารมณ์ของมัน เราจะทุกข์มาก เรานี่จะทุกข์มาก อารมณ์เกิดดับนะ เวลามันฉุดกระชากหัวใจนี้ไป แล้วหัวใจนี้ทุกข์ยากมาก แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญา มีวัตรปฏิบัติของเรา รักษาใจของเรา ถ้าใจมันดีขึ้นมา เออ! พอทนๆ แล้วพอเป็นไปได้ เรามาวัดมาวาเพื่อวัดหัวใจของเรา เอวัง